วางด้วยเรื่องการวางแผนเลี้ยงลูก ตัวน้อยของเรา หรือการเตรียมตัวเพื่อจะต้องรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวพ่อแม่หลายๆ ท่านคงหาอ่านบทความ เพื่อเตรียมตัวเป็นพ่อแม่ วันนี้เราเลยอยากจะมาแนะนำเทคนิคแห่งความสุขของการเลี้ยงลูก กันให้พ่อแม่ทุกท่านได้นำมาปรับใช้ให้เหมาะกับครอบครัว และยิ่งปัจจุบัน ปัจจัยมากมายอย่างเช่น สุขอนามัย สภาพสังคม ของเรา ที่ทำให้พ่อแม่ยุคใหม่ต้องเพิ่มความใส่ใจ คุณแม่จุ๊ปแจงจัดให้
บอกเลยว่าเราก็คือแม่คนนึง จึงสนใจที่จะมาทำบทความแนวนี้ด้วยเพื่อให้พ่อแม่หลายๆ คนได้นำไปปรับใช้ตามไสลต์ของแต่ละครอบครัว เราจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดในรูปแบบของเราที่อาจจะผสมผสานในส่วนของ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เคยเลี้ยงพวกเรามา พ่อแม่มือใหม่อย่างเราต้องรอดไปดูกันเลยจร้าา
รวมเทคนิคแห่งความสุขของการเลี้ยงลูก BY จุ๊ปแจง (Chupjang)
เทคนิคเหล่านี้แม่แจงต้องขอบอกก่อนว่าก็ไม่ใช้ทั้งหมดที่แม่แจงนั้นทำทั้งหมด แม่เองก็ไปหาอ่านจากที่อื่นๆ มาเหมือนกันเด้อ แต่ก็จะเอามารวมๆ กันในแบบฉบับของพวกเราเนอะ ถ้ามีอะไรพิดพลาดก็ขออภัย พ่อๆ แม่ๆ ทุกคนด้วยนร้า
ให้ความสำคัญในการ แบ่งเวลา
พ่อกับแม่ก็ต้องมีเวลาให้ลูกน้อย งานพ่อแม่ก็ต้องทำ เพราะฉะนั้นแล้วพ่อแม่มือใหม่อย่างเราก็ต้องแบ่งเวลาจัดตารางก็ได้นะเพื่อดูแลลูกน้อยของเรา เพราะเนื่องจากเด็กตั้งแต่ 0 – 5 ขวบ เป็นช่วงที่ลูกน้อยจะมีการเรียนรู้และซึมซับสิ่งต่างๆ จากพ่อแม่มากที่สุดเด้อ อันนี้แม่แจงขอบอกไว้ข้อแรกเลยจร้า ซึ่งแน่นอนว่าเป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อและคุณแม่ต้องให้เวลาและใส่ใจดูแลลูกอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ลูกน้อยของเรานั้นมีพัฒนาการที่ดี สำคัญนะคุณพ่อคูณแม่
ควรจะหลีกเลี่ยงสถานที่มีความแออัด
ตัวน้อยของเรานั้นตอนนี้จะมี ภูมิต้านทางค่อนข้างโรคต่ำ ดั้งนั้นจึงควรหลีกเลี่นงในสถามที่แออัด คนเยอะ ฝุ่นเยอะเป็นสำคัญ และด้วยปัจจัยเรื่องเชื่อโรคที่ทุกวันนี้มีมากมายอาจจะทำให้ตัวน้อยของคุณพ่อคุณแม่นั้นจะเจ็บป่วย และส่งผลกระทบที่รุนแรงกว่าในผู้ใหญ่ที่มีภูมิต้านทางโรคมากกว่านะ ถ้าจำเป็นจริง แม่แจงก็อยากให้ตัวน้อยใส่หน้ากากกันไว้ก่อนอาจจะอึดอัดเขาแหละแต่ก็จำเป็นนะ
ความตื่นเต้น ไม่เหมือนความสุขนะ ต้องแยกกัน
ทารกหรือเด็กเล็กยังมีความบอบบาง การเล่นกับตัวเล็กด้วยการโยนลูกขึ้นลงไปมา แกว่งไปมา อาจสร้างความหวาดกลัวให้เจ้าตัวน้อยของเราได้นะ คุณพ่อและคุณแม่อาจจะเคยเห็นใช้ไหม แต่แม่แจงไม่แนะนำนะ เพราะการทำแบบนี้ อาจจะส่งผลทำให้สมองที่บอบบางของเด็กน้อยได้รับแรงสั่นสะเทือน จนอาจเกิดผลกระทบหรือมีอาการบาดเจ็บในสมองได้เพราฉะนั้นแล้วการทำให้ลูกมีเสียงหัวเราะสามารถทำได้หลายวิธี
เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับเด็ก
อันนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องทดลองเองซึ่งเด็กแต่ละคนอาจจะแพ้ไม่เหมือนกัน แต่สำคัญก็คือผิวของเจ้าตัวเล็กบอบบางมาก ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ซักผ้า ล้างอุปกรณ์ ควรเลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เพื่อความอ่อนโยนต่อผิว และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์แรงและมีสารตกค้างสูง
ลดอาหารหวาน แต่เด็กๆชอบ
ความหวานนั้น โดยเฉพาะขนมก็ไม่สร้างประโยชน์แก่ร่างกาย เพราะจะทำให้เจ้าตัวเล็กของเรานั้นเป็นเด็กติดรสหวานไปจนโต ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆ เนื่องจากการสะสมน้ำตาลตั้งแต่วัยเด็ก คุณพ่อคุณแม่หากอยากให้ตัวเล็กท่านก็ต้องมีข้อจำกัดนะ
หาคนเลี้ยงประจำ ไม่เปลี่ยนบ่อยๆ (ไม่แนะนำหากไม่จำเป็น)
เข้าใจได้เลยว่าคุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านั้น ยุคนี้ต้องไปทำงานนอกบ้านกันหลายๆ ครอบครัวจึงเลือกการฝากตัวน้อยให้คนอื่นๆดูแล แต่สำคัญหากเลือกใครแล้วเราไม่ควรเปลี่ยคนบ่อยๆ นะควรหาคนเลี้ยงประจำจะได้เป็นการป้องกันผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้
การเปลี่ยนคนดูแลไปเรื่อยๆ อาจทำให้เจ้าตัวน้อยเข้าใจว่าไม่มีคนรัก เพราะวัยเด็กยังไม่เข้าใจเหตุผล ถ้าหากเขาไม่มีพ่อแม่หรือคนที่อยู่ด้วยบ่อยๆ ที่เขารู้สึกสนิทใจแล้ว เด็กจะรู้สึกเหงาและสร้างกำแพงในใจ ถึงแม้โตแล้วจะเป็นคนร่าเริง แต่ก็ยากที่จะรักและให้ความสนิทใจกับใครสักคนนะ คุณพ่อคุณแม่
แนะนำ : การฝากเจ้าตัวน้อยกับคุณปู่คุณยาคุณตาคุณยาย อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับพ่อแม่ในยุคนี้เพราะเด็กน้อยจะมีความคุ้นเคยกับคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายในระดับหนึ่ง
ใช้ “เหตุผล” แทนการใช้อารมณ์และความรุนแรง
ข้อนี้ เราแม่เองก็พยายามทำแต่บ้างทีก็เป็นนางมารร้ายให้ลูกเสมอ แอบเสียใจนิดๆ แต่แแม่แจงก็จะพยายามนะ อยากแนะนำคุณพ่อ และ คุณแม่มากๆข้อนี้ สำหรับเด็ก การใช้อารมณ์และความรุนแรง จะทำให้เกิดความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ยิ่งไปกว่านั้น วัยเด็กยังไม่สามารถแยกดีหรือร้ายได้อย่างผู้ใหญ่ เด็กจะจำพฤติกรรมเหล่านี้ไปใช้ต่อ และมองเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาของสังคม
เทคโนโลยีไม่ได้ดีเสมอไป
อยากให้พ่อๆ แม่ๆ มองย้อนกลับไปตอนที่เรายังเด็กเทคโนโลยียังไม่เข้าถึงขนาดนี้ถือว่าพวกเราโชคดีนะ บางทีจริง ๆ แล้วอย่างที่พวกเราเคยเป็ย วัยเด็กเป็นวัยที่ควรวิ่งเล่น เพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็น รวมถึงการบริหารกล้ามเนื้อต่างๆ การปล่อยให้อยู่กับสมาร์ตโฟน เล่นเกมจากแท็บเล็ต อาจส่งผลเสียต่อเด็กในอนาคตได้ มีผลการวิจัยว่า เด็กอายุ 0-7 ปี ไม่ควรได้รับแสงรังสีจากหน้าจอ LCD เพราะเป็นอันตรายต่อสายตาและสมอง ทำให้สมาธิสั้นนะ แต่แม่ก็แอบมีบ้างในบ้างครั้ง พวกเราสายคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องปรับใช้ หรือใช้กฏกติกาเล็กน้อยเพื่อให้เขามีระเบียบ
ช่วงวัยเด็กเป็นเวลาที่มีค่า
การที่พ่อแม่อยากให้ลูกเป็นคนเก่งเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องเรียนรู้กระบวนการเติบโตของเด็กด้วย เพราะการพาลูกทำอะไรที่ยังไม่เหมาะสมกับวัยของเขา จะทำให้เขาสูญเสียช่วงวัยเด็กที่มีค่าไปอย่างน่าเสียดาย ปล่อยให้ลูกได้เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ จะทำให้ลูกของเราพัฒนาทั้ง IQ และ EQ ได้ดีกว่าในระยะยาว
เอาหละอ่านกันมายาวพอสมควร แม่แจงอาจจะมีผิดพลาด หรือการแนะนำนี้อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์กับคุณพ่อคุณแม่บ้างท่านก็ขออภัยด้วยนร้าาาา แต่อยากให้คุณพ่อคุณแม่คิดเสทอว่า สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมของแต่ละบ้านอาจจะไม่เหมือนกัน บางอย่างพ่อแม่อาจจะยึดตามคำสอนหรือตำราต่างๆ บางอย่างอาจใช้สัญชาตญาณความเป็นพ่อเป็นแม่นำทาง หรือปล่อยให้เป็นธรรมชาติ เพราะไม่มีวิธีตายตัวในการเลี้ยงลูกและทุกบ้านสามารถออกแบบแนวทางที่เหมาะสมเพื่อสร้างความสุขให้กับลูกน้อยได้